สำหรับคนที่หลงใหลบรรยากาศสวยสไตล์ยุโรป ที่มีทั้งความสวยงามและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ต้องมาเยือน 7 ที่เที่ยวเยอรมนี เส้นทางในฝัน เมืองสวยเที่ยวได้ทั้งปี เพราะนี่คือประเทศในทวีปยุโรปที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตมากมาย ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันมาจนถึงยุคสงครามโลก แถมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของที่นี่ก็สวยไม่แพ้ประเทศไหน ๆ เลยล่ะ เดินทางไปชื่นชมความคลาสสิกของเยอรมนี และถ่ายรูปสวย ๆ บันทึกความทรงจำกัน
1. เกาะรือเกิน (Rugen Island)
เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในเยอรมัน เกาะรือเกิน ซึ่งบนเกาะนั้นยังมี อุทยานแห่งชาติจัสมันด์ (Jasmund National Park) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งอยู่ด้วยนะ นอกจากจะมีชายหาดสวย ๆ และน้ำทะเลใส ๆ รวมถึงรีสอร์ทที่น่าสนใจให้มาชิลกันหลายแห่งแล้ว เกาะนี้ยังมีธรรมชาติแสนสวยหลายรูปแบบ รวมถึงยังมีหมู่บ้านเก่าแก่หน้าตาน่ารักเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ที่สำคัญคือการเดินทางมายังเกาะนี้ที่สะดวกง่ายดายไม่ยุ่งยากด้วย
2. อาสนวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)
หนึ่งในมหาวิหารที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี นั่นคือ อาสนวิหารโคโลญ แถมยังเป็นมหาวิหารที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 632 ปี ว่ากันว่าที่นี่สามารถจุผู้คนได้ถึงสองหมื่นคน นอกจากขนาดที่ใหญ่โตสะดุดตา ด้านในมหาวิหารยังมีชิ้นงานศิลปะสไตล์กอธิกตกแต่งอยู่มากมาย รวมถึงยังมีการใช้กระจกสีในการตกแต่งช่องหน้าต่างด้านในได้อย่างงดงาม มหาวิหารแห่งนี้สามารถชมได้จากหลายมุมทั้งใกล้และไกล หอระฆังของที่นี่ยังใช้เป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองโคโลญจน์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
3. ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle)
ที่นี่คือปราสาทที่งดงามสะดุดตาจน วอลท์ ดิสนีย์ เลือกใช้ปราสาทนี้เป็นโลโก้บริษัท นั่นคือ ปราสาทนอยชวานชไตน์ แถมยังนำไปเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเจ้าหญิงนิทราในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ของอีกหลายประเทศเลยด้วยจ้ะ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1869 บนยอดเขาซึ่งสามารถมองทิวทัศน์สวยโดยรอบได้ 360 องศา สูงจากพื้นกว่า 200 เมตรเลยเชียวละ ว่ากันว่านี่คือหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดในโลกด้วย
4. สะพานราคอทซ์ (Rakotzbrucke)
หลายคนรู้จักที่นี่ในอีกชื่อหนึ่งว่า The Devil Bridge นั่นคือ สะพานราคอทซ์ โดยเหตุผลที่ผู้คนขนานนามสะพานนี้ว่าเป็นสะพานปีศาจก็เพราะในช่วงปี ค.ศ.1860 ซึ่งสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นมานั้น การสร้างสะพานเป็นรูปทรงที่เรียกว่า Perfect Circle หรือสะพานที่เป็นวงกลมโดยสมบูรณ์ เมื่อมองบนผิวน้ำเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ยากจนหลายคนเชื่อว่านี่คือฝีมือสร้างของปีศาจมากกว่ามนุษย์ เป็นอีกพิกัดที่ถ่ายรูปออกมาสวยเว่อร์
5. หมู่บ้านรามเซา (Ramsau Village)
หมู่บ้านแสนสวยใน เมืองแบร์ชเทิสกาเดิน Berchtesgaden เมืองเล็ก ๆ อย่าง หมู่บ้านรามเซา อยู่ทางตอนใต้ของเยอรมนีห่างจากเมืองซาลซ์บูร์ก Salzburg ของออสเตรียเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นหมู่บ้านแสนสงบที่ตั้งอยู่ในวงล้อมของเทือกเขาบาวาเรียอัลไพน์ นอกจากบรรยากาศสบาย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติแสนสวยแล้วนะ ที่นี่ยังมีไฮไลท์เป็นความน่ารักของ Parish Church of St. Sebastian เป็นโบสถ์เล็ก ๆ หน้าตาเรียบง่ายซึ่งโดดเด่นอยู่บนทุ่งหญ้า มีแบ็คกราวนด์เป็นขุนเขาใหญ่ มีลำธารสายน้อย ๆ ไหลผ่านอีกด้วย
6. ดิงเคิลสบูล (Dinkelsbuhl)
เมืองสวยทางตอนใต้ของเยอรมนี เมืองดิงเคิลสบูล ซึ่งมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน เริ่มจากตัวอาคารหน้าตาสุดคลาสสิกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1600 ซึ่งแลดูแปลกตาจนทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้ามาในนิทานปรัมปราที่เคยอ่านตอนเด็ก ๆ เลย ว่ากันว่าเมืองนี้เป็นศูนย์รวมของบ้านสไตล์เยอรมันแท้ ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านแบบเรอเนสซองส์ตอนปลายที่สวยที่สุดในยุโรปอีกด้วย แถมเค้ายังมีตลาดค้าไวน์ชื่อดังอยู่ใจกลางเมืองด้วยจ้า บอกเลยว่าเมืองนี้ถ่ายรูปออกมาปังแน่นอน
7. เฟ็ลท์แบร์ค (Feldberg)
ที่นี่เป็นหมู่บ้านในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ประเทศเยอรมนี ด้วยความสูง 1277 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในเยอรมนี เฟ็ลท์แบร์คตั้งอยู่ด้านในเขตอุทยานแห่งชาติป่าดำใต้ในช่องเขาเฟ็ลท์แบร์ค จึงมีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสุด ๆ โดยมีสโลแกนของหมู่บ้านว่า “สูงที่สุดในป่าดำ” (Das Höchste im Schwarzwald) หมู่บ้านแห่งนี้ในช่วงหน้าหนาวยังเป็นแหล่งเล่นสกียอดฮิตแห่งหนึ่งอีกด้วย