ประเทศโรมาเนีย มีเมืองหลวงคือ กรุงบูคาเรสต์ ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้ได้รับสมญานามว่า ปารีสน้อยแห่งยุโรป ซึ่งประเทศนี้ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมฝรั่งเศส ทำให้สถานที่ต่าง ๆ หรือสถาปัตยกรรมมีกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศส ที่โรมาเนียนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมากมาย วันนี้เราเลยจะมาบอก พิกัด 7 เที่ยวโรมาเนีย แหล่งรวมอารยะธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ บอกได้เลยว่าแต่ละที่นั้นดงาม และยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งถูกจัดให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
1. ปราสาทเพเลส PELES CASTLE
ปราสาทที่สวยที่สุดในโรมาเนีย ตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิ เมืองซินายา ทางตอนเหนือของบูคาเรสต์ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1873 โดยกษัตริย์คาโรล ที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งโรมาเนีย ปราสาทนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปี การก่อสร้างตัวปราสาทใช้ช่างฝีมือเอกจากหลายประเทศ ดังนั้นปราสาทแห่งนี้จึงเป็นการผสมผสานสุดยอดความงามของศิลปะจากหลายเชื้อชาติ ภายในปราสาทตกแต่งหรูหราอลังการด้วยไม้แกะสลักลวดลายงดงาม ว่ากันว่าภายในปราสาทมีการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามยิ่งกว่าพระราชวังแวซายด์เสียอีก และปราสาทแห่งนี้ยังเป็นที่รวบรวมงานศิลปะสูงค่าจากประเทศต่าง ๆ ในยุโรป เช่น โคมไฟระย้าจากอิตาลี รูปภาพติดผนังจากฝรั่งเศส ปราสาทเพเรสพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย
2. ปราสาทบราน หรือ ปราสาทแดร็กคิวล่า Bran Castle
ปราสาทที่โด่งดังไปทั่วโลก สร้างขึ้นในปี คศ.1212 เป็นปราสาทหินสีขาวสูงกว่า 200 ฟุต ตั้งอยู่บนภูเขาสูงชันใกล้เมือง Brasov ในอดีตใช้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกเติร์ก ในขณะนั้นโรมาเนียแบ่งเป็นแคว้นทรานซิลวาเนีย กับวัลลาเชีย มีเจ้าชายนักรบผู้เก่งกาจและเหี้ยมโหด คือ เจ้าชายวลาด เทเปสซึ่ซึ่งเป็นผู้ครองปราสาทแห่งนี้ เจ้าชายปฏิบัติการรบต่อต้านการโจมตีของพวกเติร์กอย่างกล้าหาญจนได้ชัยชนะ กิตติศัพท์ความโหดร้ายของเจ้าชายมาจากพฤติกรรมแปลกๆ เช่น เมื่อจับศัตรูได้จะทรมานด้วยการเอาไม้หลาวเสียบก้นของศัตรูจนทะลุไปจนถึงไหล่ แล้วปักไม้ไว้ที่หน้าปราสาทจนกว่าศัตรูจะตายคาไม้หลาว นอกจากนั้นเจ้าชายยังชอบกินอาหารที่เป็นเนื้อสด ๆ ต่อมาพระองค์ได้รับการยกย่องขึ้นเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรวัลลาเชีย
3. เหมืองเกลือ Slanic Prahova
เหมืองเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโรมาเนียและใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ในอดีตเกลือมีความสำคัญมากเพราะเป็นเครื่องปรุงหลักในอาหารของชาวยุโรป เหมืองเกลือแห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดินถึง 210 เมตร ผนังทั้ง 4 ด้านเป็นหินเกลือ เกิดจาก การเกาะกันของเกลือและเกิดเป็นหินเกลือที่งอกและย้อยในถ้ำอย่างสวยงาม เวลานำเกลือออกไป เขาใช้วิธีสกัดออกมาเป็นก้อน แล้วนำไปละลายน้ำ ปัจจุบันเหมืองเกลือแห่งนี้เปิดเป็น resort แบบธรรมชาติบำบัดเพราะอากาศภายในเหมืองมีไอละอองของน้ำเกลือ ที่เรียกว่า saline air microclimate เชื่อกันว่าสามารถช่วยบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการทางปอด เช่น หอบหืดได้
4. โบสถ์ไม้แห่งมารามูเรช Maramureş County
ตั้งอยู่ในแคว้นมารามูเรซ ทางตอนเหนือของโรมาเนีย มารามูเรซเป็นแคว้นที่มีความโดดเด่นในเรื่องของชนบทที่สวยงาม เต็มไปด้วยหุบเขาและเทือกเขาสูงชัน โบสถ์ไม้ทั้ง 8แห่งในแคว้นมารามูเรช เริ่มสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 จนเสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งต่อมาในปี 1999 องค์การยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนโบสถ์ไม้แห่งมารามูเรชทั้ง 8 แห่งให้เป็นมรดกโลก โบสถ์ไม้เหล่านี้มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมเพราะก่อสร้างด้วยไม้เนื้อดีและมีรูปทรงแปลกตาไม่เหมือนโบสถ์ที่อื่น โดยตัวอาคารจะเป็นทรงแคบและสูง ส่วนบนสุดของหลังคาจะเป็นทรงสามเหลี่ยมยอดแหลมคล้ายปิรามิด ประกอบด้วยหอนาฬิกา ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโบสถ์ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโบสถ์ไม้แบบมารามูเรช โบสถ์เหล่านี้จะมีหลังคาชั้นเดียวหรือสองชั้นมุงด้วยกระเบื้องไม้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของชาวพื้นเมืองแถบที่ราบสูงของโรมาเนียตอนเหนือ โดยโบสถ์ไม้เหล่านี้จะตั้งอยู่ตามหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ ในแคว้นมารามูเรช
5. พิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน Muzeul Satului หรือ Village Museum
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ บนพื้นที่กว่าแสนตารางเมตร ตั้งอยู่ริมทะเลสาบภายในสวนสาธารณะ Herastrau Park ณ กรุงบูคาเรสต์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดจากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลซึ่งใช้เวลาถึง ๑๐ ปี ของศาสตราจารย์ Dimitrie Gusti ภายในพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย สถาปัตยกรรมเก่าแก่ บ้านเรือนอายุนับร้อยปีรวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันจากทั่วประเทศ ซึ่งมี 6 เขตได้แก่ Transylvania, Banat, Muntenia, Oltenia, Dobrogea และ Moldova หลังคาบ้านในเขตหนาวเย็นอย่าง Transylvania จะมุงด้วยฟางและสูงชันเพื่อป้องกันไม่ให้หิมะค้างบนหลังคา ส่วนบ้านใน Dobrogea ซึ่งเป็นเขตอบอุ่น จะมุงด้วยไม้และหลังคาไม่ชันมาก นอกจากนี้พื้นที่ในแต่ละส่วนจะแสดงถึงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของท้องถิ่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบบ้านเรือน โบสถ์ โรงนา เครื่องมือทำไร่ทำนา เตาผิง กังหัน บ่อน้ำ เครื่องมือทอผ้า และอุปกรณ์ผลิตชีส
6. ทะเลสาบยาพิษ หมู่บ้าน Geamana
ทะเลสาบยาพิษตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Geamana ในอัลบาเคาน์ตี (Alba County) ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบผู้คนดำรงชีวิตกันอย่างมีความสุข แต่ต่อมาในปี 1978 น้ำเสียจากเหมืองทองแดง Roșia Poieni copper mine ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้าน จนกระทั่งกลายเป็นทะเลสาบ ที่เต็มไปด้วยไซยาไนด์ ทุกคนในหมู่บ้านต้องละทิ้งอาคารบ้านเรือนจนกลายเป็นหมู่บ้านร้าง ปัจจุบัน หมู่บ้าน Geamana กลายเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมกันอย่างมากมาย เพื่อชมความแปลกของทะเลสาบสีแดงที่ส่งกลิ่นเหม็นฉุนรวมทั้งการได้ถ่ายรูป หอคอยของโบสถ์และอาคารบ้านเรือนที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบสีสวยที่เต็มไปด้วยสารพิษแห่งนี้
7. สวนสนุกใต้ดิน ซาลินา ทูร์ดา Salina Turda
สวนสนุกแนวแปลกสุดขั้ว ตั้งอยู่ที่ เมืองทูร์ดา เขตทรานซิลวาเนีย ในอดีตเป็นเหมืองเกลือเก่า ตั้งอยู่ลึกใต้ดินกว่า 100 เมตร ในปี ค.ศ. 1992 เจ้าของเหมืองได้มีแนวคิดให้เปลี่ยนเป็นสวนสนุกในแบบที่แปลกใหม่พร้อมความบันเทิงครบครัน ซึ่งในสวนสนุกใต้ดินแห่งนี้ประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์แสดงความเป็นมาของเหมืองเกลือ มีลานโบว์ลิ่ง สปา มินิกอล์ฟ ชิงช้าสวรรค์ เครื่องเล่นสุดไฮเทคมากมาย และแม้แต่ทะเลสาบใต้ดินให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสประสบการณ์พายเรือเล่นใต้ดินลึก 100 เมตร นอกจากนั้นการเดินทางไปสวนสนุกแห่งนี้ก็สะดวกเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีลิฟท์สำหรับรับส่งนักท่องเที่ยวจากพื้นผิวโลกลงมายังใต้ดิน พร้อมกับยังจะได้ชมเหล่าหินเกลืออายุนับพันปีที่งอกและย้อยอย่างงดงามตลอดทางลงลิฟท์
เป็นยังไงกันบ้างกับ พิกัด 7 ที่เที่ยวโรมาเนีย แหล่งรวมอารยะธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ มีสถาปัตยกรรมโบราณอันงดงาม รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันโด่งดังให้ได้ไปเยี่ยมชมกันมากมายเลยใช่ไหมละ ใครที่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ประเทศโรมาเนียก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ใครที่ได้ไปต้องหลงใหลความสวยงามของเมืองนี้กันแน่นอน