บนโลกของเรานั้นมีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ทั้งสัตว์ที่แปลกประหลาด หมู่บ้านประหลาด หรือคนประหลาดที่มีอยู่ทั่วมุมโลก สำหรับนักเดินทางคงอยากที่จะได้ไปเห็นอะไรที่แปลกไปมากกว่าแค่การท่องเที่ยวตามปกติ วันนี้เราเลยจะพาไป พิกัด เมืองแปลกทั่วโลก ที่หลายคนไม่รู้จัก และไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง เป็นสถานที่ ที่ดูแล้วงง ๆ และทำให้เราอยากรู้สาเหตุแบบเจาะลึกเรื่องราวของเมืองนั้นอย่างแน่นอน ไปดูกันเลยว่าจะมีเมืองไหนที่แปลก ๆ บ้าง
1. เมือง Colma รัฐแคลิฟอร์เนีย
เริ่มกันที่แรก เมืองที่มีคนตายมากกว่าคนอยู่ รัฐเมือง Colma ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเมืองนี้มีสัดส่วนของคนที่อยู่ต่อคนที่ตายไปแล้ว 1:1000 มีสุสานมากถึง 17 แห่ง เนื่องมาจากว่าในสมัยก่อนมีการย้ายสุสานจากซานฟรานซิสโกทั้งหมดมาไว้ที่นี่ จึงทำให้จำนวนคนตายมีมากกว่าคนที่มีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีเพียงสัปเหร่อ คนขายดอกไม้และคนสร้างสุสานเท่านั้น แต่ช่วงปี 1980 ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ และคำขวัญของเมืองนี้คือ “เป็นเรื่องดี ๆ ที่มีชีวิตในเมือง Colma “
2. เมือง Setenil de las Bodegas ประเทศสเปน
ที่ต่อมา เมืองในหิน Setenil de las Bodegas อยู่ในจังหวัดคาดิซ ทางตอนใต้ของสเปน มีประชากรอยู่อาศัยราว ๆ 3 พันคน เป็นเมืองที่สร้างอยู่ในหินบะซอลต์ขนาดมหึมา เมืองถูกสร้างขึ้นใต้หินขนาดใหญ่ บ้านเรือนส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากหินขนาดใหญ่ริมหน้าผา โดยใช้หินเป็นหลังคาของบ้าน เดิน ๆ ไปตามถนนเราก็รู้สึกว่าหินพวกนี้จะถล่มลงมา แต่หินที่มีขนาดใหญ่นี้มีมานานมากว่าศตวรรษแล้ว ดังนั้นก็หายห่วงเรื่องความปลอดภัยกันได้เลย
3. เมือง Neft Daşları หรือ Oil Rocks ประเทศอาเซอร์ไบจาน
เมืองในทะเล ประเทศอาเซอร์ไบจาน Neft Daşları หรือ Oil Rocks เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่อยู่ในประเทศอาเซอร์ไบจาน เมืองนี้ตั้งอยู่บนแท่นเหล็กในทะเลเปิดเหนือแหล่งที่พบน้ำมัน เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่มีคนตั้งรกรากอยู่ มีเพียงคนประมาณ 2,000 คนที่แวะเวียนมาทำงานและพักที่นี่เป็นเวลาสองสามเดือนเท่านั้น
4. เมือง Chefchaouen ประเทศโมรอคโค
เมืองสีฟ้า ในประเทศโมรอคโคนี้มีสีฟ้าทั้งเมือง ไม่เว้นแม้แต่ผนัง ประตูหรือบันไดที่ทาด้วยสีฟ้าหลากหลายเฉด มีทฤษฎีหนึ่งได้กล่าวว่าคนที่ทาสีเมืองนี้คือชาวยิว เพราะพวกเขามีความเชื่อว่าสีฟ้านั้นเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ แม้จะไม่มีชาวยิวอาศัยที่นี่ในปัจจุบันแต่สีฟ้าของเมืองก็ยังคงความสวยงามอยู่
5. เมือง Whittier ในอลาสก้า
เมืองที่ใช้หลังคาร่วมกัน เมืองนี้คือเมือง Whittier ในอลาสก้า เมืองทั้งเมืองนี้ประกอบด้วย อดีตอาคารที่พักของทหารอยู่ทั้งหมด 14 หลัง และยังมีร้านค้า สถานีตำรวจ โรงพยาบาล รวมทั้งโบสถ์อีกด้วย การใช้หลังคาเชื่อมเดียวกันนี้เป็นการรักษาความร้อนของเมืองเพื่อป้องกันจากสภาพอากาศหนาวและลมแรงภายนอก ประชากรที่นี่มีเพียง 220 คน
6. เมือง Slab City รัฐแคลิฟอร์เนีย
เมืองฟรีที่สุดท้าย เป็นเมืองที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งเมืองเต็มไปด้วยผู้คนจรจัด คนเกษียณอายุและคนไม่มีที่ไปอาศัยอยู่ ที่นี่ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งน้ำ ไฟฟ้าหรือที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ถึงแม้จะฟังดูไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่คนที่อาศัยที่นี่บอกว่าเมืองของเขาสะดวกสบายมากถึงขั้นให้ชื่อว่าเป็น “เมืองฟรีที่สุดท้ายในอเมริกา”
7. เมือง Helltown ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองแห่งนรก นี้อยู่ในรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาของชื่อเมืองนี้ยังไม่มีที่มาแน่ชัดแต่คนในเมืองต่างก็ชื่นชอบชื่อนี้กันอย่างมาก แลนด์มาร์คของที่นี่คือป้าย “Welcome to Hell” ที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูป นอกจากนี้ที่ดินในเมืองยังมีราคาซื้อขายสูงถึงตารางนิ้วละ $6.66 ประมาณ 200 บาท
8. เมือง Büsingen am Hochrhein ประเทศเยอรมนี&ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองที่ตั้งอยู่คร่อมระหว่าง 2 ประเทศ คือเมือง Büsingen am Hochrhein สุดแปลกนี้ตั้งอยู่ในดินแดนส่วนแยกของเยอรมนีที่อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกที ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ของเยอรมนีแต่เงินตราที่ใช้ก็เป็นเงินฟรังก์สวิส แถมยังมีรหัสไปรษณีย์และเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ได้ทั้งสองประเทศทั้งเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ ความแปลกยังไม่หมดค่ะ ทีมกีฬา FC Büsingen จากเมืองนี้เป็นทีมสัญชาติเยอรมนีทีมเดียวที่ลงแข่งในการแข่งขันกีฬาชิงแชมป์ในสวิตเซอร์แลนด์
9. เมือง Longyearbyen ประเทศนอร์เวย์
เมืองที่ไม่มีคนตาย เมืองนี้มีชื่อว่า Longyearbyen อยู่ในประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองอยู่เหนือสุดของโลก ที่นี่มีสุสานแต่มันไม่ได้ใช้งานกว่า 70 ปีแล้ว เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวสุดขั้วทำให้สามารถรักษาสภาพศพของคุณไม่ให้เน่าเปื่อยได้ เมืองนี้จึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่มีคนตายค่ะ นอกจากนี้ชาวเมืองที่ใกล้ตายก็จะถูกส่งไปยังนอร์เวย์ทางเครื่องบิน
นี่ก็เป็น พิกัด เมืองแปลกทั่วโลก ที่หลายคนไม่รู้จัก และไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ที่เราพาไปดู นอกจากเมืองเหล่านี้ก็ยังมีแปลก ๆ อีกมากมายเลยค่ะ ไว้รอบหน้าเราจะพาไปดูอีกนะคะว่ามีที่ไหนแปลก ๆ อีกบ้าง