prafang

ติดต่อเรา

แจก 5 สูตรขนมไทย ของหวานแบบไทย ๆ อร่อย ทำเองง่าย ทำขายก็ได้

แจก 5 สูตรขนมไทย ของหวานแบบไทย ๆ อร่อย ทำเองง่าย ทำขายก็ได้

ไม่ว่าจะของคาว หรือของหวานของไทยก็มีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ทั้งคนไทย คนต่างชาติ และยิ่งขนมไทยนั้นแต่ละอย่างมีทั้งรูปร่าง หน้าตา รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเมนูมาก ๆ ทำให้หลาย ๆ คนชื่นชอบขนมไทยกัน วันนี้เราเลยอยากมา แจก 5 สูตรขนมไทย ของหวานแบบไทย ๆ อร่อย ทำเองง่าย ทำขายก็ได้ เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถลองทำกินเองได้ที่บ้าน หรือใครที่กำลังอยาหารายได้ก็อาจนำไปทำขายกันได้เลย ไปดูเลยว่ามีขนมไทยเมนูไหนบ้าง

1. ขนมชั้น

ส่วนผสมขนมชั้น

• แป้งมัน 320 กรัม • แป้งข้าวโพด 80 กรัม

• แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม • แป้งท้าวยายม่อม 40 กรัม

• น้ำตาลทรายขาว 550 กรัม • หัวกะทิ 3 ถ้วย

• น้ำลอยดอกมะลิ หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วย • สีผสมอาหาร 

วิธีทำขนมชั้น

1. ผสมแป้งทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทั้งแป้งมัน แป้งข้าวโพด แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อม แล้วพักทิ้งไว้

2. นำน้ำลอยดอกมะลิ หรือหากไม่มีสามารถใช้น้ำเปล่าได้ขึ้นตั้งไฟ พร้อมใส่น้ำตาลตามลงไป เมื่อน้ำตาลละลายดีแล้วให้ยกลงจากเตาและพักทิ้งไว้ให้เย็น

3. เมื่อน้ำเชื่อมเย็นแล้วให้ใส่หัวกะทิ พร้อมกับคนให้เข้ากัน แล้วจึงนำหัวกะทิและน้ำเชื่อมไปผสมกับแป้งที่เราเตรียมเอาไว้ แนะนำให้ค่อย ๆ เททีละนิดพร้อมคลุกเคล้าไปด้วย โดยขยำให้แป้งเข้ากันดีใช้เวลาประมาณ 20 นาที

4. นำแป้งที่ได้มากรองกับกระชอนตาถี่เพื่อให้ได้แป้งที่เนื้อเนียนละเอียด หลังจากนั้นจึงแบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน แล้วนำส่วนผสมที่ 1 ใส่สีผสมอาหารลงไปสามารถใช้ได้ทั้งสีเขียว หรือสีฟ้าได้ตามใจชอบ

5. เตรียมนึ่งโดยนำถาดพิมพ์มาเตรียมเอาไว้ แล้วเทแป้งที่ผสมสีลงไปก่อน โดยให้มีความหนาประมาณ 2 มล. แล้วนำไปนึ่งประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงเทแป้งสีขาวตามลงไปทับด้วยความหนาพอๆ กัน แล้วจึงทำแบบนี้สลับสีกันไปเรื่อย ๆ

6. เมื่อทำครบแล้ว ทิ้งไว้ให้ขนมชั้นของเราเย็นลง แล้วจึงตัดพร้อมเสิร์ฟ

2. ขนมตาล

ส่วนผสมขนมตาล

• เนื้อลูกตาลสุก 200 กรัม • แป้งข้าวเจ้า 350 กรัม

• น้ำตาลทราย 320 กรัม • เกลือ 1/2 ช้อนชา

• หัวกะทิ 300 มิลลิลิตร • ผงฟู

• มะพร้าว (ขูด)

วิธีทำขนมตาล

1. นำกะทิและน้ำตาลเทลงในชามผสม คนจนน้ำตาลละลายแล้วจึงใส่เนื้อลูกตาลสุกลงไป พร้อมตีให้เข้ากัน

2. ใส่แป้งข้าวเจ้า ผงฟู และเกลือตามลงไป ตีผสมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน หลังจากนั้นกรองส่วนผสมทั้งหมดด้วยผ้าขาวบางหรือตระแกรงตาถี่เพื่อให้เนื้อแป้งเนียนละเอียด พร้อมพักแป้งทิ้งไว้ 10 นาที

3. นำใบตองมาพักเป็นทรงกลมแบบถ้วยสำหรับเป็นนพิมพ์ใส่ขนม และนำไปนึ่งก่อนประมาณ 1 นาที เพื่อไม่ให้แป้งติดพิมพ์

4. เทแป้งลงในพิมพ์ใบเตย โดยใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที สามารถใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มเช็คก่อนได้ว่าสุกหรือไม่ หากยังไม่สุกสามารถนึ่งเพิ่มได้

5. เมื่อสุกแล้วนำยกลงจากเตา ใส่มะพร้าวขูดโรยหน้า พร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย

3. ฝอยทอง

ส่วนผสมฝอยทอง

• ไข่แดงของไข่เป็ด 6 ฟอง • ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง

• น้ำเปล่า 1 ลิตร • น้ำตาลทราย 1 กก.

• กลิ่นมะลิ • ไม้ปลายแหลม

• น้ำค้างไข่ (ไข่ขาวที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือก)

วิธีทำฝอยทอง

1. แยกไข่แดงออกจากไข่เป็น และไข่ไก่ หลังจากนั้นกรองไข่แดงทั้งหมด และน้ำค้างไข่ด้วยผ้าขาวบาง เพื่อจะทำให้ได้เส้นฝอยทองที่สวยเนียน แนะนำว่าหากรอบแรกกรองแล้วยังรู้สึกว่าไม่ละเอียดให้กรองซ้ำอีกรอบได้

2. ตั้งไฟกลางโดยใส่น้ำตาล และน้ำเปล่า พร้อมหยดน้ำมะลิเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม คนจนน้ำตาลละลาย เมื่อละลายดีแล้สให้เบาไฟลง

3. รอจนน้ำเชื่อมในกะทะมีลักษณะเป็นน้ำพุตรงกลางกระทะ แล้วจึงใช้กรวยโรยฝอยทอง หรือหากใครไม่มีสามารถใช้ถุงบีบมาม้วนเป็นกรวยแทนได้ โรยไข่แดงเป็นวงกลม หากโรยในระยะสูงจะได้ฝอยทองเส้นเล็ก แต่หากโรยแบบต่ำจะได้เส้นใหญ่ สามารถเลือกโรยได้ตามใจชอบเลย โรยวนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20 รอบ

4. จากนั้นให้ใช้ไม้ปลายแหลมเกี่ยวเส้นไข่ที่สุกแล้วนำไปวนในน้ำเชื่อม พร้อมกับนำเส้นฝอยทองมาพักบนตระแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อมออก แล้วจับฝอยทองให้ม้วนพอดีคำ จึงจัดเสิร์ฟ

4. ทองหยอด

ส่วนผสมทองหยอด

• ไข่แดงของไข่เป็ด 9 ฟอง • แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม

• น้ำตาลทราย 500 กรัม • น้ำลอยดอกมะลิ 300 มล. หรือน้ำเปล่า

วิธีทำทองหยอด

1. เทน้ำลอยดอกมะลิ หรือหากไม่มีสามารถใช้น้ำเปล่าได้ ตามด้วยน้ำเปล่าแล้วจึงนำไปตั้งไฟด้วยไฟแรงจนเดือด แล้วเคี่ยวต่ออีกประมาณ​ 15 นาที หรือจนน้ำเชื่อมข้นขึ้น ตามด้วยแบ่งน้ำเชื่อมประมาณ 1 ถ้วยตวงออกมาพักไว้ให้เย็น ส่วนที่เหลือตั้งไฟต่อไว้เช่นเดิม

2. แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว โดยนำไข่แดงกรองด้วยผ้าขาวบาง และตีจนขึ้นฟู ตามด้วยใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปผสมจนเข้ากัน

3. นำแป้งที่ได้ไปหยอดลงในน้ำเชื่อมที่เดือด โดยใช้ปลายช้อนตักแป้งขึ้นมาแล้วใช้ปลายนิ้วโป้งดันลงไปในกระทะ หรือหากใครสะดวกแบบปั้นเป็นลูกกลมก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แล้วจึงใส่ลงไปในน้ำเชื่อม

4. รอจนแป้งสุกจะลอยขึ้นมาเหนือน้ำเชื่อม ให้ใช้กระชอนตักขึ้นมาแล้วพักไว้ในน้ำเชื่อมเย็นที่เราแบ่งเอาไว้ พร้อมจัดเสิร์ฟได้เลย

5. สังขยาฟักทอง

ส่วนผสมสังขยาฟักทอง

• ฟักทอง 1 ลูก • กะทิ 200 มล.

• ไข่ไก่ 2 ฟอง • ไข่เป็ด 2 ฟอง

• น้ำตาลปี๊บ 180 กรัม • เกลือ 1 ช้อนชา

• ใบเตย

วิธีทำสังขยาฟักทอง

1. เตรียมฟักทองให้พร้อม โดยนำฟักทองที่คว้านฝาแล้วมาคว้านเมล็ดออกให้หมด ให้เหลือเพียงแต่ใยด้านในให้เก็บเอาไว้ เพื่อช่วยยึดตัวสังขยาไม่ให้หลุดออกเวลานำไปนึ่ง หลังจากนั้นล้างทำความสะอาดฟักทองทั้งด้านใน และด้านนอก และพักทิ้งไว้ให้ฟักทองแห้ง

2. ทำสังขยาโดยการตอกทั้งไข่ไก่ และไข่เป็ดลงในชามผสม ตามด้วยกะทิ น้ำตาลปี๊บ พร้อมเติมกลิ่นหอมด้วยใบเตยลงไป หลังจากนั้นผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันด้วยวิธีการขยำ เพื่อให้ได้สังขยาที่เนื้อเนียน ให้กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง หรือกระชอนตาถี่ แนะนำให้กรองส่วนผสมมากกว่า 1 ครั้ง

3. เทสังขยาลงในฟักทองในปริมาณที่เหลือบริเวณด้านบนไว้เล็กน้อย เพราะเมื่อนำไปนึ่งสังขยาจะฟูตัวขึ้นมาอีก และหากเทแล้วเกิดฟองให้ตักออกจนหมดเพื่อให้ได้สังขยาที่หน้าเนียน

4. นำฟักทองสังขยาไปนึ่งประมาณ 45 นาที เพื่อความชัวร์ว่าสังขยาสุกดีแล้วให้ใช้ไม้จิ้มปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าหากไม่มีเนื้อสังขยาติดขึ้นมาตามไม้จิ้มแสดงว่าเนื้อสังขยาสุกดี แต่หากจิ้มแล้วติดออกมาให้นึ่งต่อ และใช้วิธีเช็คเรื่อย ๆ

5. จากนั้นไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้ฟักทองสังขยาเซ็ตตัว และนำมาจัดเสิร์ฟได้ โดยอาจจะตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ ให้รับประทานได้ง่ายขึ้น

เป็นยังไงกันบ้างกับ แจก 5 สูตรขนมไทย ของหวานแบบไทย ๆ อร่อย ทำเองง่าย ทำขายก็ได้ มีขนมไทยเมนูไหนเป็นเมนูโปรดของเพื่อน ๆ บ้างไหมคะ ใครที่ลองทำตามก็อาจจะปรับสูตรให้อร่อยถูกใจตัวเองกันได้อีก เพิ่มหรือลดความหวานกันได้ตามจชอบกันเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *